ผลกระทบทางคุณภาพชีวิตที่คิดไม่ถึง
อัพเดทล่าสุด: 16 ธ.ค. 2025
2 ผู้เข้าชม

ปัญหาปัสสาวะติดขัดในผู้หญิงมักเกิดจาก การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (UTI) จากแบคทีเรีย การกลั้นปัสสาวะนาน ปัญหาฮอร์โมน (วัยหมดประจำเดือน) ภาวะมดลูกหย่อน การระคายเคือง นิ่ว หรือปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท อาการที่พบคือ ปัสสาวะแสบขัด ปวดท้องน้อย ปัสสาวะบ่อยแต่ไม่สุด รู้สึกเหมือนฉี่ไม่สุด การแก้ปัญหาคือ รักษาตามสาเหตุ (พบแพทย์เพื่อรับยา) ดื่มน้ำเยอะๆ ปรับสุขอนามัยและหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น
สาเหตุของอาการปัสสาวะติดขัดในผู้หญิง
สาเหตุหลักๆ มีทั้งจากการติดเชื้อและไม่ติดเชื้อ
- การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ : เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากแบคทีเรียเข้าสู่ท่อปัสสาวะและลุกลามไปยังกระเพาะปัสสาวะได้ง่าย
- นิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ : ก้อนนิ่วอาจเคลื่อนไปอุดกั้นท่อปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะลำบากหรือติดขัดได้
- ความผิดปกติของกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะ : กล้ามเนื้ออาจไม่บีบตัวอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ไม่สามารถขับปัสสาวะออกได้หมด
- โรคเบาหวาน : ผู้ป่วยเบาหวานมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบและอาจมีปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ
- การอุดกั้นอื่นๆ : เช่น เนื้อเยื่อแผลเป็น (พังผืด) จากการบาดเจ็บหรือการผ่าตัดบริเวณท่อปัสสาวะ
- ปัจจัยเสี่ยงจากพฤติกรรม : การดื่มน้ำน้อย, การกลั้นปัสสาวะเป็นประจำ, หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นที่มีน้ำหอมอาจเพิ่มความเสี่ยงได้
อาการปัสสาวะติดขัด อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่
- ปัสสาวะแสบขัด : มีอาการเจ็บหรือแสบขณะปัสสาวะ
- ปัสสาวะไม่สุด/กะปริดกะปรอย : รู้สึกเหมือนยังมีปัสสาวะค้างอยู่ หรือปัสสาวะออกมาทีละน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง
- ปวดท้องน้อย : อาจปวดแบบบิดเกร็ง ปวดหน่วง หรือปวดตลอดเวลาบริเวณกระเพาะปัสสาวะ
- กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ : รู้สึกปวดทันทีและต้องรีบเข้าห้องน้ำอย่างเร่งด่วน
- ลักษณะปัสสาวะผิดปกติ : ปัสสาวะมีสีขุ่น มีกลิ่นเหม็นผิดปกติ หรือมีเลือดปน
การแก้ปัญหาและการรักษา
หากมีอาการปัสสาวะติดขัด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุที่แน่ชัด โดยแนวทางการรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุ
- การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ : แพทย์จะสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียและควรดื่มน้ำสะอาดในปริมาณมากเพื่อช่วยขับเชื้อโรค
- นิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ : การรักษาอาจรวมถึงการดื่มน้ำมากๆ การใช้ยาช่วยขับนิ่ว หรือในบางกรณีอาจต้องมีการสลายนิ่วหรือผ่าตัด
- ปัญหาโครงสร้างหรือระบบประสาท : อาจจำเป็นต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมและรักษาโดยแพทย์เฉพาะทาง เช่น ศัลยกรรมระบบทางเดินปัสสาวะ
คำแนะนำเบื้องต้นและการป้องกัน
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ : ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หรือ 2-3 ลิตร เพื่อชะล้างแบคทีเรียในระบบทางเดินปัสสาวะ
- ไม่กลั้นปัสสาวะ : ควรรีบไปห้องน้ำทันทีเมื่อรู้สึกปวดปัสสาวะ
- รักษาความสะอาด : ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศอย่างถูกวิธี (เช็ดจากหน้าไปหลัง) หลังการขับถ่ายเพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรียจากทวารหนักเข้าสู่ท่อปัสสาวะ
- หลีกเลี่ยงสารเคมีระคายเคือง : งดใช้ผลิตภัณฑ์ล้างจุดซ่อนเร้นที่มีส่วนผสมของน้ำหอม
บทความที่เกี่ยวข้อง
การนอนหลับไม่สนิท ตื่นบ่อย อาจเกิดจากปัจจัยด้านพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ เช่น ความเครียด ความวิตกังวล การขาดวิตามิน
3 ธ.ค. 2025
จุดด่างดำในวัย 40+ ส่วนใหญ่เกิดจากปัจจัยสะสมหลายอย่าง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงวัย
1 ธ.ค. 2025
การดูแลผิวหมองคล้ำเสียจากภายในนั้น ควรเน้นไปที่การปรับสมดุลของร่างกายผ่านทางโภชนาการ การพักผ่อนและการจัดการไลฟ์สไตล์ เพื่อให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูเซลล์ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
22 พ.ย. 2025


