โพรไบโอติก : กุญแจสู่สุขภาพลำไส้
อัพเดทล่าสุด: 18 ต.ค. 2025
8 ผู้เข้าชม
กลไกการทำงานและประโยชน์ต่อสุขภาพ
โพรไบโอติกทำหน้าที่คล้าย " ผู้ดูแลลำไส้ " โดยมีบทบาทหลักดังนี้
- รักษาสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ : โพรไบโอติกช่วยเพิ่มจำนวนแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์หลักๆ อย่าง บาซิลลัส โคแอกกูแลน (Bacillus coagulans) แบคทีเรียชนิดดีหรือโพรไบโอติกที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยเฉพาะในระบบทางเดินอาหาร มีคุณสมบัติเด่นที่ทนทานต่อสภาวะกรดและความร้อน ทำให้สามารถเดินทางผ่านกระเพาะอาหารไปถึงลำไส้ได้อย่างปลอดภัยและมีชีวิตอยู่ได้ แลคโตบาซิลัส (Lactobacillus) และบีฟิโดแบคทีเรีย (Bifidobacterium) ซึ่งช่วยต่อสู้และยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ก่อโรค
- สนับสนุนระบบย่อยอาหาร : มีส่วนช่วยในการย่อยอาหารและบรรเทาอาการผิดปกติของลำไส้ที่พบได้บ่อย เช่น อาการท้องเสีย ท้องผูก และลำไส้แปรปรวน (IBS)
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน : เนื่องจากกว่า 70% ของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายนั้นอยู่ที่ลำไส้ การมีสุขภาพลำไส้ที่ดีจึงช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของภูมิคุ้มกันโดยรวม
- กระตุ้นการเผาผลาญ : มีผลต่อระบบเมแทบอลิซึม (Metabolism) ของร่างกาย ซึ่งส่งผลดีต่อการเผาผลาญพลังงาน
- อิทธิพลต่อสุขภาพจิตใจ : โพรไบโอติกมีความสามารถในการสร้างสารสื่อประสาทบางชนิด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเชื่อมโยงระหว่างลำไส้และสมอง (Gut-Brain Axis) ที่มีผลต่อสุขภาพจิต
เราสามารถเพิ่มโพรไบโอติกให้กับร่างกายได้จาก 2 แหล่งหลัก
อาหารหมักดองตามธรรมชาติ
- ผลิตภัณฑ์จากนม : โยเกิร์ตและนมเปรี้ยว
- ผักดอง : กิมจิ
- ถั่วเหลืองหมัก : มิโสะและถั่วนัตโตะ
- เครื่องดื่ม : ชาหมัก (Kombucha)
- อื่นๆ : ดาร์กช็อกโกแลตบางชนิด
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Dietary Supplements)
เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดและปลอดภัยในการรับประทานโพรไบโอติก
- เวลาที่เหมาะสม : ควรรับประทานโพรไบโอติกในเวลาที่เหมาะสม เช่น หลังอาหารเช้าประมาณ 30 นาที หรือก่อนนอน 1-2 ชั่วโมง เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของจุลินทรีย์ในการผ่านกรดในกระเพาะอาหาร
- การหลีกเลี่ยง : ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานโพรไบโอติกพร้อมกับ ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) หรือสารฆ่าเชื้ออื่นๆโดยตรง เนื่องจากอาจทำลายจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ได้
- คำแนะนำจากแพทย์ : หากคุณมีอาการผิดปกติของระบบทางเดินอาหารแบบเรื้อรังหรือมีโรคร่วม ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านระบบทางเดินอาหารเพื่อประเมินและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด
บทความที่เกี่ยวข้อง
ตกขาวเป็นเรื่องปกติของผู้หญิงทุกคน แต่หากมีอาการผิดปกติ อาจเกิดจากหลายสาเหตุและอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ไม่ควรละเลย
18 ต.ค. 2025
อาการเรอเปรี้ยวและท้องอืดเป็นภาวะที่พบบ่อย หากมีอาการเรื้อรังหรือรุนแรง อาจบ่งชี้ถึงความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร
14 ต.ค. 2025
พฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราอาจส่งผลให้ลำไส้เกิดการสะสมของเสียทำให้ท้องผูกเรื้อรังหรือทำให้การทำงานของลำไส้ผิดปกติได้
14 ต.ค. 2025